เห็นข่าวคราวกันบ่อยๆ อยู่ในช่วงนี้ว่ามี “ผีแม่ม่าย” ออกอาละวาดอยู่ในหลายจังหวัด โดยเฉพาะในแถบภาคอีสานและภาคเหนือ อันเกิดมาจากการที่มีชายหนุ่มที่ดูแข็งแรงดีกลายเป็นศพในตอนเช้าโดยไม่ทราบ สาเหตุ และเสียชีวิตติดต่อกันหลายๆ ราย ในเวลาไม่นาน ซึ่งชาวบ้านเชื่อกันว่า เป็นเพราะ “ผีแม่ม่าย” ออกมาอาละวาดคร่าชีวิตผู้ชายไป จึงนิยมนำเสื้อสีแดงมาแขวนไว้หน้าบ้าน และเขียนข้อความว่าบ้านนี้ไม่มีผู้ชาย บ้างก็มีกรรมวิธีแก้เคล็ดอื่นๆ อีกหลายวิธี ความเชื่อที่สืบทอดกันมา
แต่ในทางวิทยาศาสตร์นั้นได้ค้นพบว่า การเสียชีวิตในขณะนอนหลับเกิดจาก “โรคใหลตาย” อันมีสาเหตุมาจากความผิดปกติของคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ที่จะเหนี่ยวนำให้กล้ามเนื้อหัวใจบีบตัวอย่างรวดเร็ว (เต้นระริก) ซึ่งผู้ป่วยเกือบทั้งหมดจะตรวจไม่พบความผิดปกติของกล้ามเนื้อหัวใจ ลิ้นหัวใจ หรือหลอดเลือดหัวใจ แต่จะมีความผิดปกติที่คลื่นไฟฟ้าหัวใจ และมีลักษณะเฉพาะ โดยสาเหตุของโรคมาจากความผิดปกติทางพันธุกรรม และมีพฤติกรรมและสิ่งแวดล้อมเป็นตัวช่วยเสริม ซึ่งส่วนใหญ่แล้วโรคนี้จะเกิดกับเพศชายมากกว่าเพศหญิงในอัตรา 8 ต่อ 1 (ข้อมูล : สถาบันวิจัยหัวใจเต้นผิดจังหวะ แปซิฟิก ริม โรงพยาบาลกรุงเทพ)
ทั้งนี้ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เสี่ยงต่อการเสียชีวิตกะทันหัน คือเพศชายที่มีอาการใหลแต่รอดตาย การมีประวัติใหลตายในครอบครัว การสูญเสียโปแตสเซียม แมกนีเซียมจากร่างกาย (เช่น จากการอาเจียน ท้องร่วง กินยาขับปัสสาวะ หรือดื่ม กาแฟ ชา หรือ เหล้า ซึ่งมีฤทธิ์ขับปัสสาวะเช่นกัน) รวมทั้ง การมีไข้สูง การเกิดความเครียดจากการอดนอน ทำงานหนัก
ฉะนั้น การดูแลตัวเองเพื่อลดความเสี่ยงจากโรคใหลตายก็คือ การกินอาหารที่มีโปแตสเซียมและแมกนีเซียมให้เพียงพอ นั่นก็คือ อาหารประเภทผัก ผลไม้ เป็นพวกผัก ผลไม้ที่มีสีเข้ม อาทิ หน่อไม้ฝรั่ง บล็อคโคลี คะน้า ฟักทอง มะเขือเทศ กล้วย แคนตาลูป ส้ม เป็นต้น รวมถึงอาหารประเภท ถั่ว ธัญพืช และผลิตภัณฑ์จากนมที่มีไขมันต่ำ (แต่ก็มีข้อควรระวังสำหรับคนที่ป่วยเป็นโรคไต เพราะหากร่างกายได้รับโปแตสเซียมมากเกินไปจะทำให้ความสามารถในการทำงานของไต ลดลง)
งดการดื่มชา กาแฟ ของหมักดอง และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่างๆ งดสูบบุหรี่ งดเค็ม ไม่กินอาหารจนอิ่มจัด เพราะกระเพาะอาหารที่ขยายตัวอาจทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะได้
สุดท้าย สิ่งที่ควรทำสำหรับคนที่ป่วยเป็นโรคนี้ มีแนวโน้มหรือความเสี่ยงที่จะเกิดใหลตาย รวมทั้งคนที่แข็งแรงปกติทั่วไปก็คือ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและเหมาะสมกับร่างกายของตัวเอง และทำจิตใจให้แจ่มใส ไม่เครียด ก็จะช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรง จิตใจแข็งแกร่ง ใช้ชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างมีคุณภาพ
Credit : http://www.manager.co.th