ต้นเพชรหึง เป็นกล้วยไม้ที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในเขตร้อนของทวีปเอเชีย และในหมู่เกาะตอนใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิก ในประเทศไทยสามารถพบได้ตามธรรมชาติในป่าของจังหวัดพิษณุโลก ฉะเชิงเทรา เลย ชลบุรี ชุมพร สุราษฎร์ธานี ตรัง และจังหวัดนราธิวาส สาเหตุที่คนไทยส่วนใหญ่เรียกเพชรหึงว่าเป็น “ว่าน” นั่นเป็นเพราะว่านเพชรหึงมีสรรพคุณเป็นยาสมุนไพร ส่วนที่มาของชื่อ “เพชรหึง”
ในหนังสือตำรากบิลว่าน ได้อธิบายว่า เมื่อดอกเพชรหึงแก่ ก้านดอกจะส่ายไปมาคล้ายกับงูโยกหัว และเมื่อมีพายุใหญ่พัดมา (พายุลมเพชรหึง) จะมีเสียงคล้ายการจุดประทัด แล้วดอกเพชรหึงจะหายไปพร้อมกับพายุ จากความเชื่อนี้จึงอธิบายได้ว่าทำไมคนไทยจึงตั้งชื่อกล้วยไม้ชนิดนี้ว่า “เพชรหึง” นั่นเป็นเพราะว่ามันมีความเกี่ยวข้องกับลมเพชรหึงนั่นเอง ดังที่ได้มีการอธิบายไว้ในหนังสืออักขราภิธานศรับท์ (พ.ศ.2416 ) ที่อธิบายไว้ว่า “เพ็ชหึง คือ ชื่อว่านอย่างหนึ่ง เหมือนลมเพ็ชหึงนั้น
สรรพคุณว่านเพชรหึง
- เพชรหึง สรรพคุณใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ด้วยการใช้ลำต้นกับก้านใบนำมาหั้นบางๆ ล้างน้ำให้สะอาดแล้วนำมาใส่โหลดองกับเหล้าไว้ดื่ม (ลำต้น,ก้านใบ)
- สรรพคุณของว่านเพชรหึง ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง (ใช้สูตรเดียวกับยาอายุวัฒนะ) (ลำต้น,ก้านใบ)
- ช่วยแก้อาการไอและอาการเจ็บคอ (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)
- สรรพคุณเพชรหึง ช่วยขับลมในลำไส้ (ใช้สูตรเดียวกับยาอายุวัฒนะ) (ลำต้น,ก้านใบ)
- ลำ ต้นเพชรหึง ใช้ตำผสมเหล้าเอาน้ำมากินหรือนำมาฝนกับเหล้าดื่ม ส่วนกากที่เหลือเอามาใช้พอกปากแผล มีสรรพคุณมีฤทธิ์เป็นยาเย็นช่วยถอนพิษ แก้อาการอักเสบเนื่องจากถูกงูกัด ช่วยแก้พิษงูกัด พิษตะขาบ และพิษแมงป่องต่อย (ลำต้น), แต่อีกข้อมูลหนึ่งระบุว่า “ถ้าเป็นงูมีพิษไม่ควรใช้”
- ว่านเพชรหึง สรรพคุณทางยาช่วยรักษาอาการผื่นคันมีน้ำเหลือง (ลำต้น)
- ลำต้นใช้ฝนกับน้ำซาวข้าวใช้ทาพอกรักษาฝี (ลำต้น) ช่วยรักษาฝีประคำร้อย (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)
ประโยชน์ว่านเพชรหึง
- กล้วยไม้เพชรหึง เป็นกล้วยไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกและมีความสวยงามมาก ทั้งยังเป็นพันธุ์ไม้ที่หาดูได้ยาก ในหนึ่งปีจะออกดอกเพียง 3 เดือน จึงได้มีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเพื่อขยายพันธุ์สำหรับนำไปปลูกเพื่อตัดดอก ขายในเชิงการค้า และใช้ปลูกเป็นไม้ประดับได้
Credit : ฟาร์มดี (ฟาร์มไส้เดือนของคนพิการ)