ตับนั้นมีประโยชน์มากมาย จัดได้ว่าเป็นอาหารเพื่อสุขภาพชั้นดีอย่างหนึ่งก็ว่าได้ จะเห็นได้ว่าพ่อแม่มักจะให้เด็กเล็กๆ ทานตับบดเป็นอาหาร อีกทั้งตับยังสามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น ตับปิ้ง ตับหวาน ใส่ในผัดผักต่างๆไม่ว่าจะเป็นผัดขิงใส่ตับไก่ เป็นต้น นอกจากนี้ในสุกี้ Mk ยังมีตับขายเลย เอาตับสดมาลวกในหม้อสุกี้เดือดๆ ให้พอสะดุ้ง หวานอย่าบอกใครเชียว
ส่วนประกอบส่วนใหญ่ของตับก็จะเป็นโปรตีน ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญที่ร่างกายต้องการเพื่อใช้ในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ นอกจากนี้ตับยังเป็นแหล่งรวมของวิตามินที่มีประโยชน์ เช่น วิตามินเอ ช่วยสร้างและบำรุงรักษาผิวหนังและผนังเยื่อจมูก ช่องในลำไส้ ทำให้เนื้อเยื่อในตาแข็งแรง
- วิตามิน บี 2 ทำให้ผิวมีสุขภาพดี สายตาดี มองเห็นได้ชัดในที่ที่มีแสงสว่างน้อย
- วิตามิน บี 3 ทำให้ผิวหนัง ประสาท และลำไส้มีสุขภาพดี ระบบย่อยเป็นปกติ ทำให้กล้ามเนื้อทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- วิตามิน บี 5 ทำให้ร่างกายนำคาร์โบไฮเดรตและโปรตีนมาใช้ประโยชน์ได้สูงสุด
- วิตามิน บี 6 สร้างเม็ดเลือดแดงใหม่ๆ ให้กับร่างกาย
- วิตามิน บี 12 บำรุงประสาทให้แข็งแรง ทำให้สมองทำงานได้ดี ความจำดี และทำให้การสร้างเลือดเป็นปกติ
ที่สำคัญ ตับจะอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของระบบหมุนเวียนเลือด ช่วยเสริมสร้างฮีโมโกบิน (Hemoglobin) ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของเม็ดเลือดแดงที่ไว้ใช้จับกับออกซิเจนเพื่อให้ออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกาย ดังนั้นผู้ที่เสียเลือดมากเช่นผู้หญิงที่อยู่ในช่วงมีประจำเดือน ก็ควรทานตับเพื่อช่วยเสริมสร้างการสร้างเม็ดเลือดที่เสียไป
แต่ถึงแม้ตับจะมีประโยชน์มากมาย แต่หากรับประทานมากไปก็ส่งผมเสียได้เช่นกัน อะไรที่มันเกินไปมักจะไม่ดีเสมอเนื่องจากตับเป็นส่วนที่กำจัดสารพิษ ซึ่งอาจจะมีสารพิษตกค้างได้บ้าง นอกจากนี้ ตับไก่ มีสารที่เรียกว่า อะมิโน-พาราเอ็ธฟีนอล (Amino-paraethenol) สารชนิดนี้มีฤทธิ์ต่อ หลอดเลือดแดงในสมองทำให้แข็งตัว ถ้ากินตับไก่มากเกินไป ก็อาจจะทำให้มีอาการของ โรคไมเกรน มีอาการปวดหัวข้างเดียวเป็นเวลานาน จนกระทั่งอาจเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือตาบอดข้างเดียวตามมาได้ รู้อย่างนี้แล้ว ใครที่ป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดในสมองโรคความดันโลหิตสูง และผู้ที่มีอาการปวดหัวข้างเดียวบ่อยๆ ควรหลีกเลี่ยงการกินตับไก่ และผู้ป่วยที่เป็น thalassemia ที่ได้รับเลือดเป็นประจำไม่ควรกินตับ เพราะทำให้เหล็ดเกินไปสะสมในอวัยวะต่างๆ เช่น หัวใจ อาจทำให้หัวใจล้มเหลวได้
Credit : http://thaiwellness.blogspot.com